สนาม: ซีอานเน็ต
บทนำ:ต้องบอกว่า ปี่กลองทางการเมือง ว่าด้วยการเลือกตั้งเริ่มนับหนึ่งอย่างเป็นทางการได้แล้ว เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญสำคัญ 2 ฉบับสุดท้ายได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา โดย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พศ2561 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 13 กยนี้ ส่วน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พศ2561 ก็นับไปอีก 90 วันนับจากวันที่ 12 กย ซึ่งก็จะอยู่ในราววันที่ 11-12 ธคจึงจะมีผลบังคับใช้ ๐ เรียกว่าแวดวงการเมืองก็ต้อง ลุ้นกันต่อว่า คลายล็อก ตามที่ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มือฉมังทางด้านกฎหมายจะชงเรื่องให้ พลอประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) ลงนามเมื่อใด จะภายในสัปดาห์นี้หรือไม่อย่างไร ๐ แต่ที่แน่เป็นแช่แป้งแล้วจากปากคำของ เนติบริกร นั่นคือการเลือกตั้งท้องถิ่นที่คาดว่าจะต้องหลังเลือกตั้งใหญ่แน่นอน เรียกว่าไม่ต้องลุ้นอะไร แต่ที่น่าจับตาคือ เรื่องของ สวลากตั้ง 250 คน เพราะจะเริ่มนับหนึ่งแล้ว ซึ่งในมาตรา 90 ของบทเฉพาะกาลของกฎหมาย สว ก็ให้ คสชแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาคณะหนึ่งไม่น้อยกว่าเก้าคนแต่ไม่เกินสิบสองคนทำหน้าที่ ซึ่งขอฟันธงไว้ตรงนี้ว่า อาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ) ที่กำลังหมดวาระลง อาจต้องลากสังขารกลับมานั่งเก้าอี้หนึ่งใน 12 อรหันต์ เลือกว่าที่สภาสูงแน่นอน ๐ ร้อนแรงเช่นกันสำหรับ พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม โดยเฉพาะผู้ที่จะกุม หางเสือ นำพรรคลงลุยศึกเลือกตั้ง แม้ตอนแรกๆ คอการเมืองต่างเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาให้ ปวดตับ เหมือนคู่แข่งคู่แค้นอย่าง พรรคเพื่อไทย ที่จนป่านนี้ยังไม่รู้ว่า นายใหญ่ จะไฟเขียวให้ใครมากุมบังเหียนกันแน่ แต่ที่ไหนได้ว่าจะนอนมาอย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค แต่ ณ ปัจจุบันกลับมีแคนดิเดตมาท้าชิงเสียแล้ว ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคเสียอีก ซ้ำร้ายยัง มีข้อเสนอแหวกแนวของหมอผี สัมพันธ์ ทองสมัคร อดีต สส นครศรีธรรมราช ที่เสนอให้ ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคมารักษาการหัวหน้าแทน มาร์ค เสียอีก ต้องเรียกว่าอะไรที่คิดว่าจะจบง่ายๆ ไปๆ มาๆ ก็ป่วนได้เหมือนกัน ๐ หันกลับมาดูเรื่องกรณีการจับกุม สาวใหญ่ ที่จำหน่ายเสื้อดำที่มีสัญลักษณ์ สหพันธรัฐไท บ้าง เพราะหลัง ลุงตู่ ชี้แจงแถลงไขถึงต้นตอก็เล่นเอาสังคมถึงบางอ้อกันเลยทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้ในโลกออนไลน์ต่างตำหนิติติงกันอย่างมากกับการจับกุม ยิ่งมี ดรามา ว่าด้วยการไม่ให้ลูกเข้าเยี่ยมก็ยิ่งไปกันใหญ่ ซึ่งงานนี้ ต้องตำหนิฝ่ายพีอาร์ของรัฐบาลและ คสชอย่างยิ่ง หากมีการแจ้งถึงปัจจัยเหมือนที่ บิ๊กตู่ ชี้แจงในการหลังประชุม ครม เรื่องก็ไม่น่าไปไกลแล้ว เพราะเรื่องการแยกประเทศแยกแผ่นดินนั้น หากมีเลือดเป็นคนไทยย่อมยอมไม่ได้ ๐ งานนี้จึงไม่น่าแปลกที่บรรดาคนพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงต้องรีบออกมาปฏิเสธความสัมพันธ์และความเกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าว แหม! สงสัยลืมไปว่าในตอนแรกที่เกิดเหตุการณ์ดูเหมือนแกนนำพรรคอย่าง วัฒนา เมืองสุข ออกมาอัด คสชและทหารอย่างเมามันนะจ๊ะในเรื่องนี้ แล้วเรื่องนี้ก็ทำให้ต้องนึกไปถึงแนวคิด ประเทศล้านนา ขึ้นมาไม่ได้ เพราะคนที่จุดพลุเรื่องดังกล่าวก็คือ โกตี๋ มิใช่หรืออย่างไร หรือจะบอกว่าเขาไม่ใช่คนเสื้อแดงจ๊ะ ๐ หันมาเรื่องคนกรุงว่าด้วย บัตรแมงมุม กันบ้าง เพราะล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินคณะที่ 5 ที่มี พลอประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมวกลาโหม เป็นประธาน ได้เคาะแนวคิดพัฒนาบัตรแมงมุม 20 มาเป็น 40 แล้วจ้า แต่ต้องรอไปถึง ธค2562 นะตัวเอง ซึ่งหากดูตามปฏิทินแล้วก็บอกได้คำเดียว เอวังแน่นอน เพราะตอนนั้นหากมีรัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้ง เขาจะสานต่อหรือไม่อย่างไรก็ยังไม่รู้ สรุปว่าคนกรุงก็ยังต้องร้องเพลงรอเหมือนกับที่รอรถเมล์เอ็นจีวีต่อไปนั่นแล ๐ ทิ้งท้ายด้วยข่าวบันเทิงเทศว่าด้วย กรณี ฟ่าน ปิงปิง ซุป ตาร์จากจีนที่ถูกควบคุมตัวในข้อหา หนีภาษี ซึ่ง คิงเพาเวอร์ ที่เคยเลือก ฟ่าน ปิงปิง มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เมื่อต้นปี 2561 ได้หมดสัญญาแล้ว แหม! เรียกว่าเร็วปานกามนิตหนุ่มชิ่งหนีข่าวลบจริงๆ แต่ปิดกันในแซ่ดในแวดวงบันเทิงจีนยามนี้คือ ไม่ใช่มีแค่ ฟ่านปิงปิง เท่านั้น เพราะในสัญญา หยินหยาง ที่ดาราจีนใช้หนีภาษีนั้น มีอีกหลายราย ทั้งระดับเกรดเอและบี แต่ดูเหมือนทางการมังกรยังให้โอกาสแก้ไขให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ตคนี้ หากทำไม่ได้หรือไม่หมดจด เชื่อว่าในช่วงปลายปีเราคงเห็นดาราจีนหายต๋อมไปอีกหลายคน ก็ไม่รู้ว่า สรรพากร ไทยมีแนวคิดจะเลียนแบบจีนหรือไม่อย่างไรบ้างจ๊ะ ๐...
สนาม: หุบเขาซิลิคอน
บทนำ:ด้านนพธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมวศธ)ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานภาครัฐ กล่าวว่า โครงการโรงเรียนประชารัฐเกิดขึ้นมากกว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าวไม่ใช่เป็นการทำงานบริการเพื่อสังคม แบบผ่านมาและผ่านไป แต่โครงการประชารัฐพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีโรงเรียนประชารัฐตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน จำนวน 3,351 แห่ง จากเป้าที่ตั้งไว้ 7,000 แห่ง และในระยะที่ 2 นี้ จะดำเนินการ 4,600 แห่ง โดยภาคเอกชนได้เข้ามาช่วยรัฐในการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพไม่ว่าจะเป็นการจัดทำเกณฑ์ประเมิน ซึ่งทำให้รู้ว่าต่อไปต้องพัฒนาคุณภาพโรงเรียนได้ และจะนำมาใช้ในการประเมิน รอบ 4 ในโรงเรียน 40,000 แห่ง ขณะเดียวกันโครงการประชารัฐยังทำให้เกิดผลเชิงระบบในด้านต่างๆทั้งด้านเทคโนโลยี โรงเรียนไฮสปีดอินเตอร์เน็ต โรงเรียนคุณธรรม ซึ่งทำให้ตนเห็นว่าการปฎิรูปการศึกษาทั่วโลกก็ไม่มีที่ไหนทำได้แบบประเทศไทยที่มีภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมจนทำให้การพัฒนาคุณภาพการศึกษามีทิศทางที่ถูกต้องจนขณะนี้จากเดิมที่เรามีภาคเอกชนเข้าร่วมเพียง 12 บริษัทจนเพิ่มเป็น 33 บริษัทเข้ามาร่วมมากขึ้นแล้ว ซึ่งถือว่าเกินเป้าหมาย
ลิงค์ที่เป็นมิตรเวลาปัจจุบัน:2021-02-28